บันทึกอนุทิน
วิชา การจัดประสบการณ์ศิลปะสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ กฤตธ์ตฤณน์ ตุ๊หมาด
ครั้งที่ 4 เวลาเรียน 08.30 - 10.00 น. 12.20 - 15.00 น.
ความรู้ที่ได้รับ
วัสดุที่ใช้ในงานศิลปะ
วัสดุที่ใช้ในการทำผลงานทางศิลปะอาจเป็นวัสดุที่มีขายทั่วไปหรือเป็นวัสดุจากธรรมชาติ
หรือที่มีในท้องถิ่น และเหมาะสมกับวัยและวุฒิภาวะของเด็ก
หลีกเลี่ยงวัสดุที่เป็นอันตรายกับเด็ก เช่น วัสดุที่มีปลายแหลม คมแตกหักง่าย
ภาชนะที่เคยบรรจุสารเคมี
วัสดุที่ใช้ในงานศิลปะของเด็กปฐมวัย
กระดาษ :เป็นวัสดุที่สามารถนำมาใช้สร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะ
ได้อย่างกว้างขวาง เพราะ หาง่าย ราคาไม่แพง เป็นวัสดุที่เด็กคุ้นเคย
เช่น กระดาษวาดเขียน กระดาษปรู๊ฟ
กระดาษโปสเตอร์สีต่างๆ กระดาษมันปู กระดาษจากนิตยสารที่ไมใช้แล้ว
กระดาษวาดเขียน :ซึ่งมีความหนาไม่เท่ากัน ที่เรียกเป็นปอนด์ มี 60
80 100 ใช้ได้ดีกับงานวาดรูป ระบายสีทุกชนิดสำหรับเด็ก
กระดาษโปสเตอร์ :มีทั้งชนิดหน้าเดียว
และสองหน้า ทั้งหนาและบาง สีสดใส หลากสี ราคาค่อนข้างแพง ใช้ในงานตัด
ประดิษฐ์เป็นงานกระดาษสามมิติเป็นส่วนมาก
กระดาษมันปู :เป็นกระดาษผิวเรียบมันด้านหนา ด้านหลังเป็นสีขาว มีสีทุกสี เนื้อบาง
เหมาะกับการทำศิลปะประเภทฉีก ตัด พับ ปะกระดาษ
กระดาษจากนิตยสาร:เป็นกระดาษที่เหมาะในการนำมาใช้กับเด็กเล็กๆ
เพราะไม่ต้องซื้อหา เพียงแต่สะสมไว้ ซึ่งสามารถใช้แทนกระดาษมันปูได้เป็นอย่างดี
กระดาษหนังสือพิมพ์ :เป็นกระดาษที่ใช้ได้เช่นเดียวกับกระดาษนิตยสาร แต่จะบางกว่า
แต่หมึกอาจเลอะมือเด็กได้มากกว่า แต่ก็มีขนาดใหญ่ใช้ในการรองปูโต๊ะหรือพื้นกันเปื้อน
ใช้ในงานที่ต้องการกระดาษชิ้นใหญ่ๆ เช่นการทำหุ่นตัวใหญ่ๆ
สีที่ใช้ในงานศิลปะของเด็กปฐมวัย
สี เป็นวัสดุที่ดึงดูดความสนใจของเด็กเป็นอย่างมาก สีที่ใช้ในงานศิลปะของเด็กปฐมวัย
เช่น สีเทียน สีฝุ่น สีโปสเตอร์ สีผสมอาหาร สีจากธรรมชาติต่างๆ
สีเทียน
( Caryon ) คือสีที่ผสมกับขี้ผึ้งแล้วทำเป็นแท่ง มีหลายสีหลายขนาด สีเทียนที่ดีควรมีสีสด
ไม่มีไขเทียนมากเกินไป สีเทียนที่มีราคาถูกมักมีส่วนผสมของขี้ผึ้งมากกว่าเนื้อสี
เมื่อนำมาใช้จะได้สีอ่อนๆ ใสๆ ไม่ชัดเจน มีเทียนไขเกาะกระดาษหนา ควรเลือกชนิดที่มีเนื้อสีมากกว่าเนื้อเทียนมีสีสดแท่งโต เพื่อเด็กหยิบจับถนัดมือกว่าแท่งเล็กและไม่หักง่าย
หากซื้อเป็นกล่องควรเปิดดูที่มีสีสดๆ สีเข้มๆมากกว่าสีอ่อนๆถ้าไม่มีสีขาวเลยจะดีกว่าเพราะเด็กใช้สีขาวน้อย
สีชอล์กเทียน (oil pasteal) เป็นสีที่มีราคาแพงกว่าสีเทียนธรรมดา
โดยทั่วไปคล้ายสีเทียน เป็นสีชอล์กที่ผสมน้ำมันหรือไข สีสดใส เนื้อนุ่ม สีหนา
เมื่อระบายด้วยสีชนิดนี้แล้ว สามารถใช้เล็บ นิ้วมือ หรือกระดาษทิชชู ตกแต่ง
เกลี่ยสีให้เข้ากันคล้ายรูปที่ระบายด้วยสีน้ำมัน สีชอล์กมักจะทำเป็นแท่งกลมเล็กๆ
และมีสีมากเกินไปเหมาะสำหรับเด็กโตมากกว่าเด็กเล็ก
สีเทียนพลาสติก (plastic racyon) ผลิตขึ้นจากสีและพลาสติกผสม
ทำเป็นแท่งเล็กๆ แข็ง มีสีสดหลายสี ใช้ระบายสีง่าย เหลาได้เหมือนดินสอ
จึงสามารถระบายในส่วนที่มีรายละเอียดได้และสามารถใช้ยางลบธรรมดาลบบางส่วนที่ไม่ต้องการออกได้
แต่มีราคาแพงมาก
สีเมจิก (Water color) บรรจุเป็นด้ามคล้ายปากกามี 2 ชนิด คือชนิดปลายแหลมและปลายตัด เป็นสีที่สว่างสวยงามและสดใส
เหมาะสำหรับการขีดเขียนลายเส้น
หรือการเขียนตัวหนังสือแต่อาจไม่เหมาะสำหรับเด็กระบายสีเนื้อที่กว้าง แต่เด็กเล็กๆ
จะชอบเพราะใช้สะดวก สีสด แห้งเร็ว ถ้าเปื้อนล้างออกง่าย
ปากกาปลายสักหลาด(felt pen) บางทีเรียก ปากกาเคมี เป็นปากกาพลาสติก
ปากเป็นสักหลาดแข็ง ภายในบรรจุด้วยหลอดสี
เมื่อเขียนหมึกจะไหลซึมผ่านปากสักหลาดมาสู่พื้นกระดาษให้สีสดใสมาก
ไม่เหมาะในการระบายพื้นที่กว้าง ถ้าทิ้งไว้นานๆ สีจะซีดเร็ว
ควรให้เด็กสวมปลอกปากกาทุกครั้งที่เขียนเสร็จ
ดินสอ (pencil) เด็กๆ
ส่วนมากอยากใช้ดินสอในการวาดรูป เหมือนผู้ใหญ่ทำกัน แต่อย่างไรก็ดี
ไม่ควรใช้ดินสอเป็นเครื่องมือในการวาดรูปสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี เพราะการเสดงออกตามธรรมชาติของเด็กจะหดหายไป
ดินสอสี (color pencil)หรือสีไม้ ดินสอสีก็เช่นเดียวกับดินสอ
คือเหมาะสำหรับเด็กโตๆ มากกว่าเด็กเล็กๆ เพราะนอกจากจะหัก ทู่ง่าย ต้องเหลาบ่อยๆ
มีราคาแพงมากเมื่อเทียบกับเทียนหรือสีประเภทผสมน้ำ
สีที่ต้องผสมน้ำหรือเป็นน้ำสีประเภทนี้
ได้แก่ สีฝุ่น สีน้ำ สีโปสเตอร์
สีผสมอาหาร สีพลาสติกผสมน้ำ สีแต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะ
สีที่ใช้ในงานศิลปะของเด็กปฐมวัย
สีฝุ่น (tempera) เป็นสีผง ทึบแสง มีหลายสี
ใช้ผสมน้ำให้ใสข้นเป็นครีมอาจผสมกาวหรือแป้งเปียกด้วย ขึ้นอยู่กับงานแต่ละชนิด
มีราคาถูกกว่าสีประเภทอื่น เก็บไว้ใช้ได้นาน มีขายตามร้านเครื่องเขียนทั่วไป
เวลาใช้ต้องผสมกับของเหลวที่เหมาะสม นอกจากน้ำแล้วก็มีน้ำนม น้ำแป้ง
สีโปสเตอร์ (poster color) ก็คือสีฝุ่นที่ผลิตบรรจุขวดขาย
เป็นสีทึบแสง มีหลายสีใช้ผสมน้ำ เป็นสีที่ผสมเสร็จเรียบร้อยแล้วพร้อมใช้เลย
ลักษณะคล้ายครีมมีราคาแพงกว่าสีฝุ่น เป็นสีที่เด็กๆ ใช้ง่าย แต่ถ้าต้องการสีอ่อนๆ
จะผสมน้ำไม่ได้ จะต้องใช้สีขาวผสมจะได้สีอ่อน ระบายได้เรียบ
สีน้ำ (water color) เป็นสีโปร่งแสง ไหล ผสมกลมกลืนง่าย
สามารถใช้ในส่วนที่เป็นรายละเอียดได้ มีทั้งที่เป็นหลอดและก้อนใช้กับพู่กันกลมหรือพู่กันแบนขนนุ่มช่วยระบาย
น้ำเป็นตัวละลายให้ได้สีเข้มหรือเจือจางต่างกันออกไป เด็กเล็กๆ มักจะไม่ค่อยชอบใช้สีน้ำ
เพราะเด็กช่วงนี้หากใช้สีน้ำในช่วงนี้
สีพลาสติก (plastic or acrylic) มีขายตามร้านวัสดุก่อสร้าง
บรรจุในกระป๋องหลายขนาด และแบบในหลอด ราคาสูง มีเนื้อสีข้น ระบายได้เนื้อสีหยาบ
มีกลิ่น เหมาะกับงานใหญ่ที่ไม่ต้องใช้รายละเอียดมากนัก สามารถใช้แทนสีฝุ่นหรือสีน้ำได้
ข้อเสียคือ แปรงหรือพู่กันจะต้องจุ่มไว้ในน้ำเสมอ ขณะที่พักการใช้ชั่วคราว
และจะต้องล้างอย่างดีหลังจากเลิกใช้แล้ว
เนื่องจากสีมีคุณสมบัติแห้งเร็วจะทำให้พู่กันหรือแปรงแข็งใช้ไม่ได้
สีจากธรรมชาติจะเป็นสีที่ได้จาก ผัก
ผลไม้ ดอกไม้ ใบไม้ ลำต้น ราก หรือ เปลือกของพืช ดิน เป็นสีที่ไม่สารเคมีเจือปน
จึงไม่เป็นอันตราย แก่เด็ก
วัสดุในการทำศิลปะ
กาว :กาวที่เหมาะสมกับเด็กมากที่สุดคือกาวที่กวนเองจากแป้งมันหรือแป้งข้าวเหนียวเรียกว่าแป้งเปียก ราคาถูก ใช้งานได้ง่ายกว่ากาวชนิดอื่นๆไม่เหนียวเหนอะหนะหรือยืดยาวเป็นเส้น ล้างออกง่าย นอกจากนี้ยังมี กาวน้ำ
และ กาวลาเท็กซ์ ส่วนกาวถาวร หรือนิยมเรียกกันว่า กาวตราช้าง หรือกาวร้อน
วัสดุที่ใช้ในการทำศิลปะ
เดินหนียว : หรือดินตามธรรมชาติมีมากในต่างจังหวัด
ขุดหาได้ทั่วไป มีความนิ่มเหนียว นำมาใช้ปั้น
ตากแห้งหรือเผาเป็นเครื่องปั้นดินเผาได้ ระบายสีได้
ดินน้ำมัน : เป็นดินที่มีส่วนผสมของน้ำมันผสมอยู่ มีกลิ่นแรง
เนื้อนิ่มเมื่อโดนความร้อน และแข็งได้เมื่อเจออากาศเย็น
เหนียวติดมือไม่เหมาะกับเด็กเล็กๆ
ดินวิทยาศาสตร์ : มีลักษณะนิ่ม
มีหลายสี ไม่เหนียวติดมือเหมือนดินน้ำมัน
และมักจะไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายเจือปน จึงเหมาะสำหรับเด็ก
อุปกรณ์ที่ใช้ในศิลปะ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสี
1.สีเป็นองค์ประกอบของศิลปะที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกมากกว่าองค์ประกอบชนิดอื่น
2.สีเป็นวัตถุที่ได้จากธรรมชาติหรือจากที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นมา
- สีจากธรรมชาติ เช่น
สีของดอกไม้ ใบไม้ ผล ราก ลำต้น
- สีจากการสังเคราะห์ขึ้นมา
เช่น สีน้ำ สีโปสเตอร์ สีอะคริลิก สีฝุ่น สีน้ำมัน สีทาบ้าน สีพลาสติก ฯลฯ
วรรณะสีเย็น
สีคู่ปฏิปักษ์
เหลือง-ม่วง
เขียว- แดง
น้ำเงิน-สีส้ม
ม่วงน้ำเงิน - ส้มเหลือง
อิทธิพลของสีที่ให้ความรู้สึก
สีเหลือง :ร้อนและเย็น สว่าง
เลื่อมใส น่าศรัทธา สดชื่น
สีแดง :ร้อนรุนแรง ตื่นเต้น เร้าใจ
สีเขียว:เย็น เจริญงอกงาม สดชื่น
สีน้ำเงิน :เย็น สงบเงียบ
ความมั่นคง ความอุดมสมบูรณ์
สีม่วง :เศร้า ลึกลับ ร้อนและเย็น มีเสน่ห์
สีส้ม :ร้อน รุนแรง ตื่นเต้น
สีน้ำตาล:ความแห้งแล้ง
น่าเบื่อหน่าย
สีดำ :เศร้า มืด หนักแน่น น่ากลัว
สีเทา :สงบ สบายใจ เคร่งขรึม
สีขาว :สะอาด บริสุทธิ์
เรียบง่าย สว่าง
สีฟ้า :สว่าง มีชีวิตชีวา
สีชมพู :ร่าเริง สดใส
สีชมพู :ร่าเริง สดใส
จากนั้นอาจารย์แจกกระดาษให้ 2 แผ่น คือ กิจกรรมการวาดกระดาษร่างจุดเป็นภาพ สิ่งมีชีวิตกับสิ่งที่ไม่มีชีวิตให้กลับไปทำที่บ้านทำเป็นเค้าโครงมาก่อนก็ได้หรือทำมาเสร็จสมบรูณ์ก็แล้วแต่จะทำและงานเก่าอาจารย์ให้เอามาส่งวันพฤหัสบดี ให้ครบ 5 ชิ้น
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2558
วันนี้อาจารย์ให้ทำกิจกรรมวาดกระดาษร่างจุดเป็นภาพสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตต่อจากทำที่บ้านและส่งกิจกรรมงานเก่า
กิจกรรมวันนี้
สิ่งที่ไม่มีชีวิต(รถไฟปู๊นปู๊น)
ผลงานวันนี้
กิจกรรมงานเก่า
กิจกรรมลายเซ็น
กิจกรรมงานต่อเติม
กิจกรรมออกแบบลวดลาย
การนำไปใช้
1.สามารถนำเทคนิคการสอนของอาจารย์ไปปรับใช้กับเด็กได้เวลาไปเป็นครูในอนาคต
2.สามารถคิดและต่อยอดการทำกิจกรรมที่ง่ายๆและเหมาะสมกับเด็กได้
3.สามารถรู้จักวัสดุอุปกรณ์แต่ละชนิดว่าสิ่งไหนควร สิ่งไหนที่ไม่ควรนำไปปรับใช้สอนเด็ก
4.สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้เรียนวันนี้นำไปปรับใช้กับวิชาอื่นๆ
5.สามารถนำประสบการณ์การเดิมที่เคยเรียนมาและประสบการณ์ที่ได้รับในปัจจุบันมาปรับใช้ให้เป็นประสบการณ์ใหม่ที่ดียิ่งขึ้น
การประเมินผล
ประเมินตัวเอง
- มาเรียนตรงเวลาทั้ง 2 วัน เลยค่ะ แต่งกายเรียบร้อยและตั้งใจเรียนแต่อาจจะเพลีย ง่วงนึดนึง เพราะตื่นเช้าแต่ก็ตั้งใจจดบันทึกและตั้งใจฟังอาจารย์พูดและไม่คุยกันกับเพื่อนเสียงดัง
ประเมินเพื่อน
-เพื่อนๆ ตั้งใจเรียนและตั้งใจจดบันทึกคำพูดที่อาจารย์สอน อาจจะมีพูดเถียงกับอาจารย์บ้างแต่ก็สนุกและมีความสุขในการเรียนวิชาศิลปะ
ประเมินอาจารย์
-อันดับแรกเลย อาจารย์แต่งกายเรียบร้อยมาก เข้าสอนก็ตรงเวลา และมีเทคนิคการสอนที่ดี พูดอธิบายในการสอนได้ละเอียดมากๆ แต่อาจจะกวนๆหน่อยนึดนึงแต่ก็มีความสุขและสนุกกับการเรียน อาจารย์มีการยกตัวอย่างนอกเหนือจากในสไลค์ มีสิ่อที่น่าสนใจ สไลค์อาจจะเยอะบ้างแต่อาจารย์ก็พูดอธิบายให้เข้าใจและทันเวลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น